นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)

‘สุเทพ’ หารือผู้บริหาร สอศ.​วางแผนขับเคลื่อนอาชีวะ

นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) ที่มีน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ไปรวบรวมปัญหา ข้อเสนอแนะที่ภาคเอกชนเสนอความคิดเห็นเข้ามา เพื่อมาขับเคลื่อนและพัฒนาการเรียนการสอนอาชีวะ เช่น เสนอให้มีการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีที่ยืดหยุ่น มีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาสามารถเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภายใน 4 ปี โดยที่วิชาการและกิจกรรมไม่ลดลง ซึ่งเด็กจะมีอายุ 18 ปี สามารถทำงานในสถานประกอบการได้

ซึ่งขณะนี้เมื่อเด็กเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จะมีอายุ 17 ปี ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากอายุไม่ถึงติดกฎหมายแรงงาน หรือ ปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่น การขับเคลื่อนการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จากปัจจุบันที่จัดอยู่ประมาณ 15 % การรีแบรนด์ แก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ผู้เรียนสนใจเข้ามาเรียนอาชีวะเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ตนเรียกประชุมผู้บริหาร แต่ละสำนักเข้าของ สอศ. มาหารือและวางแผนจัดทำข้อเสนอในการพัฒนาอาชีวศึกษา และเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาในวันที่ 11 สิงหาคมนี้

การพัฒนาอาชีวศึกษา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของเอกชนบางข้อ สอศ.ได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว เช่น ผลักกดันให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาเรียนจบ ปวส.ภายใน 4 ปี สอศ.ได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว โดยตนมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปศึกษารายละเอียดว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณา ส่วนการปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นนั้น มีช่องที่สามารถให้สถานศึกษาปรับหลักสูตรได้

โดยการปรับหลักสูตรแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ การปรับหลักสูตรเป็นรายวิชา การปรับหลักสูตรระดับสถานศึกษา และการปรับหลักสูตรทั้งหมด ซึ่งการปรับหลักสูตรจะมีการมอบอำนาจให้แต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการได้ เช่น การปรับหลักสูตรเป็นรายวิชา ผู้อำนวยการสถานศึกษามีอำนาจในการอนุมัติปรับเพิ่มหรือลดหลักสูตรได้ การปรับหลักสูตรระดับสถานศึกษา สถานศึกษาสามารถทำได้ โดยตั้งคณะกรรมการร่วมกับสถานประกอบการในพื้นที่เข้ามาหารือเพื่อปรับหลักสูตรร่วมกัน และการปรับหลักสูตรทั้งหมดจะต้องให้ส่วนกลาง คือ สอศ.ดำเนินการเอง

ดังนั้นในการปรับหลักสูตรถ้าเป็นการเพิ่มหรือลดหลักสูตรบางรายวิชา การเพิ่มทักษะผู้เรียน สถานศึกษาสามารถดำเนินการเองได้ ซึ่งต่อไป สอศ.จะทำหนังสือชี้แจงและย้ำยังสถานศึกษาอีกครั้ง

“ทั้งนี้ต้องวางแผนผลักดันการเรียนระบบทวิภาคี สร้างภาพลักษณ์ใหม่ และทำความร่วมมือกับสถานประกอบการชั้นนำให้มากขึ้น เพื่อที่จะผลิตและพัฒนาคนให้ตรงกับอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ผมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับระเบียบใหม่ เพื่อดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของสถานศึกษา เช่น ในพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตร วิทยาลัยเทคนิค เป็นต้น เพราะมีบางสาขาที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูง แต่ทางวิทยาลัยไม่สามารถลงทุนเองได้ การดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนทางการศึกษาจะช่วยทำให้วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเด็กได้ฝึกใช้เครื่องมือจริง และสถานประกอบการได้คนที่มีทักษะตรงกับความต้องการ ”นายสุเทพ กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ skpce.com

UFA Slot

Releated